มาเริ่มกันที่ความหมายของ KPI กันก่อน
KPI ย่อมาจาก “Key Performance Indicator”
- Key: จุดหลัก หัวข้อหลัก หรือ เป้าหมายหลัก
- Performance: ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล หรือ ผลของการกระทำ
- Indicator: ตัวชี้วัดหรือดัชนีชี้วัด
พอรวมกัน Key Performance Indicator เลยหมายถึง “ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน” โดยเป็นการเทียบผลการทำงานกับมาตรฐานหรือเป้าหมายที่ตกลงกันไว้ ซึ่งนอกจากจะประเมินผลการทำงานของพนักงานได้แล้ว ยังเป็นวิธีที่บริษัทใช้ในการวัดและประเมินผลความก้าวหน้าของการบรรลุวิสัยทัศน์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัทได้ด้วย
แล้วต้องทำยังไง KPI ถึงจะได้ผลดี?
การจะทำ KPI ให้ได้ผล ตัวชี้วัดผลการทำงานต้องมีความเหมาะสม และโน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อถือได้ โดยหลักที่มักจะเอามาใช้กันก็คือ SMART KPI ซึ่งความหมายที่อยู่ในแต่ละตัวของคำว่า SMART คือ
- S – Specific: มีความเฉพาะเจาะจง
- M – Measurable: วัดผลได้จริงแบบเป็นรูปธรรม
- A – Attainable: สมเหตุสมผล สามารถทำได้จริง
- R – Relevant: เป็นไปในทิศทางเดียวกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
- T – Timely: มีกรอบระยะเวลาชัดเจน
แต่ละบริษัทหรือตำแหน่งก็จะมี KPI ที่ไม่เหมือนกัน เช่น KPI ของฝ่ายขายคือการปิดดีลลูกค้า และเม็ดเงินที่หาได้ แต่ฝ่ายบริการลูกค้าอาจวัด KPI จากว่าพนักงานตอบคำถามหรือแก้ปัญหาให้ลูกค้าครบถ้วนตามเวลาที่กำหนดไว้ได้รึเปล่า
เราจะเห็นว่า KPI เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานการชี้วัดผลที่บริษัทต่าง ๆ ยอมรับ ซึ่งบริษัทต้องทำความเข้าใจร่วมกันกับบุคลากรในการประเมินหรือชี้วัดผลผ่านการใช้ KPI ให้ได้อย่างเหมาะสมด้วย เพื่อพัฒนาและยกระดับศักยภาพองค์กรให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันด้วย